วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อยาก ฉลาด ฟังทางนี้ Cosmopolitan เดือน ตุลาคม

" อยาก ฉลาด ฟังทางนี้ " Cosmopolitan เดือน ตุลาคม

Mind Brain Clinic ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Cosmopolitan ฉบับเดือนตุลาคม 2554 เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ใช้ในการพัฒนาศักยภาพสมอง ซึ่งเรียกว่า Neurofeedback  โดยรศ.นพ.ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ และ นพ.วุฒิโชค พิทักษากร ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับผลที่ได้จากการบำบัดโดยใช้เครื่องNeurofeedback ไว้อย่างน่าสนใจมากครับ

หลังจากที่เราเคยฮืออาเรื่องอัจริยะสร้างได้ หรือดนตรีคลาสสิก ช่วย ให้
 ฉลาด แล้ว ตอนนี้เรายังได้พบเทคโนโลยีตัวใหม่ที่ทำให้สมองของเราฉลาดขึ้นไปอีก หรือที่ทางคุณหมอวุฒิโชค พิทักษากรและรศ.น.พ.ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ  แห่ง Mind Brain Clinic เรียกว่า ‘การใช้ศักยภาพสมองให้เต็มที่



“รู้หรือไม่ว่า ในชีวิตประจำวันนี้ เราใช้สมองในการดำเนินชีวิตเพียงแค่ 5% ของศักยภาพสมองทั้งหมดเท่านั้น”
คุณหมอวุฒิโชค กล่าว เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะสามารถฉลาดขึ้นหากรู้จักบริหารสมองให้ถูกวิธี


Mind & Brain

เรื่องของสมองและจิตใจเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นเทคนิคใหม่ที่เราจะพูดถึง จึงเป็นเรื่องของการรักษาที่เกิด จากภาวะจิตใจอารมณ์และสมองไปพร้อมๆกัน ด้วยการใช้คลื่นไฟฟ้าในสมองเพื่อมาปรับรักษาสมองตัวเอง ซึ่งคุณหมอธวัชชัยเล่าให้เราฟังง่ายๆว่า “ในสมองของเรามีคลื่นไฟฟ้าอยู่แล้ว แต่จากผลการวิจัยที่ผ่านมาพบว่า เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกเครียด ซึมเศร้า หรือว่าไฮเปอร์คลื่นในสมองของเราจะมีรูปแบบเปลี่ยนแปลงไป และจะหลั่งสารชีวเคมีบางอย่างออกมาทำให้เกิดเป็นอากาทางการตามมา เพราะฉะนั้นหมอสมองก็เลยคิดกันว่า ถ้าเหตุมันเกิดที่สมองก็ควรจะรักษาที่สมองด้วยสิ ถ้าเราปรับจูนคลื่นสมองให้อยู่ในภาวะปกติได้คนเราก็จะคลายเครียดลง และถ้าทำเรื่อยๆบ่อยๆจิตใจก็จะอยู่ในภาวะเดียวกับที่ได้รับการฝึกมาแล้วคือปรับตัวได้ดีและมีสมรรถภาพีขึ้น”

‘จูนสมอง’ คืออะไร

พอพูดถึงการจูนสมอง หลายๆคนคงคิดเหมือนเราว่า หมอต้องเอาอิเล็กโทรดมาแปะๆไว้บนหัว แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาดูน่ากลัวเหมือนหนังไซไฟ แต่คุณหมอบอกว่าเจ้าเครื่อง Neurofeedbackไม่ได้มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิด  แถมการรักษาแบบนี้ก็ยังไม่แพร่หลายและมีผลการวิจัยทั้งใยสหรัฐอเมริกาและยุโรปอีกด้วย คุณหมอจึงเฉลยขบวนการทำงานให้ฟังว่า  เจ้าอิเล็คโทรดที่ติดเข้าไปนั้นมีหน้าที่ในการวัดเคลื่อนไฟฟ้าในสมองของเรา สามารถรู้สึกสงบลง ตื่นตัวมากขึ้น หรืออะไรก็ตามแต่นั้น เป็นเพราะหน้าจอเกมที่คุณหมอให้เราเล่นต่างหาก

“เกมที่ให้ดูในจอมันจะเป็นเหมือนฝึกให้คนที่มองมีสมาธิ เพราะเมื่อไหร่ที่จิตคุณนิ่ง ยานจะเคลื่อนไปเก็บแต้ม แต่ถ้าคุณไม่สงบ ยานก็จะแกว่งวิ่งไปไม่ได้เพราะฉะนั้นหมอจะปรับที่เกม แล้วเช็คกับคลื่นสมองของคุณว่ามันเป็นไปตามที่หมอต้องการไหม ดังนั้นมันจะไม่น่ากลัว เพราะเราไม่ได้ใส่ไฟฟ้าเข้าไป แต่จะให้คลื่นไฟฟ้าในสมองของคุณซ่อมตัวเอง”หมอธวัชชัยกล่าว

My Experience

“ตอนแรกที่ไปลองเอง แล้วคุณหมอบอกว่าจะทำให้เรารู้สึกสงบและได้รับการพักผ่อนก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอติดเครื่องแล้วผ่านไปสัก 20 นาทีก็เริ่มง่วง แล้วสุดท้ายก็หลับวูบไปเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้ง่วงแล้วเราก็พยายามฝืนมาก ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า เราเป็นคนสมองแอ็คทีฟมาก คิดอะไรอยู่ตลอด การมาปรับแบบนี้จะทำให้สมองรู้จักการพักบ้างไม่ใช่ทำงานตลอดเวลา และถ้าใครที่นอนไม่หลับก็สามารถใช้เครื่องนี้ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับได้ด้วย”

My Brain VS My Mind

คุณหมอบอกว่า การปรับจูนสมองแบบนี้ไม่ได้มีเอาไว้สำหรับคนที่มีอาการเครียด ซึมเศร้า หรือไฮเปอร์เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ได้กับคนที่ต้องการพัฒนาศักยภาพความคิดของตัวเองอีกด้วย เพราะการเข้าคอร์สปรับจูนสมองจะทำให้เราหัดที่จะโฟกัสหรือมีสมาธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ดียิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นถ้า ‘ผู้บริหาร’ หรือนักกีฬา นักดนตรีต้องการพัฒนาระบบการตัดสินใจ หรือศักยภาพในการจดจำและจัดระบบในสมองให้เป็นลิ้นชักที่สามารถดึงเรื่องแต่ละเรื่องออกมาใช้ได้ทันทีนั้น ก็สามารถเข้าคอร์สนี้ได้เช่นกัน โดยเฉลี่ยครั้งละ 30 นาที แต่คุณหมอแอบกระซิบว่า ควรให้เวลามาทำทุกวันประมาณ10-20 ครั้ง หรืออย่างน้อยอาทิตย์ละ 3วัน เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจน

Special Thanks : Mind Brain Clinic
http://www.mindbrainclinthai.blogspot.com/

1 ความคิดเห็น: