วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

การประเมินสมาธิด้วยเครื่องทดสอบ Qik Test

 Qik Test (ควิกเทสต์ ) นวัตกรรมในการประเมินสุขภาพด้าน สมาธิ ของเด็กวัยเรียน
( 5 - 18  ปี ) ทำให้ทราบจุดแข็งและจุดอ่อน ของสมาธิในเด็กแต่ละคน เพื่อวางแผน
พัฒนาด้านการศึกษาของบุตรหลานของท่าน ใช้เวลาเพียง 20 นาที ผลลัพท์จะแสดงเป็นรายงานและรูปกราฟสวยงาม...

วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

โรคสมาธิสั้น Attention Deficit Hyperactivity Disorders (ADHD)



โรคสมาธิสั้น Attention Deficit Hyperactivity Disorders (ADHD) เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มเด็กวัย
เรียน เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมักเกิดปัญหาในเรื่องของการควบคุมตัวเองต่ำกว่าอายุ จริง ไม่รับผิดชอบ 
ไม่มีมารยาท แต่เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นอาการแสดงจะแตกต่างไปจากวัยเด็กอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านการ
เรียน จะพบว่าผู้ป่วยจะขาดทั้งสมาธิและทักษะการเรียน ผลการเรียน ต่ำรวมทั้งคุณภาพในการสื่อสารที่ต่ำ
ทำให้เห็นภาพอารมณ์ทีทีแปรปรวนได้ง่ายกว่า ภาวะ hyperactive น้อยลงแต่จะเห็นลักษณะเบื่อง่าย  ขาด
ความอดทนด้อยทักษะในการทำกิจกรรมซึ่งส่งผลต่อการเข้าสังคม

ในปัจจุบันพบว่าโรคสมาธิสั้น (ADHD)พบได้ร้อยละ 3-10 ของเด็กในวัยเรียน และร้อยละ 5.1 ของเด็กวัย
อนุบาล มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยเด็กปรากฏอาการเมื่อเข้าวัยรุ่น และพบโรคในเด็กผู้ชายมากกว่าในเด็กผู้
หญิง 3-4 เท่า โดยมีสาเหตุเกิดจาก



วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

ลูกของคุณมีปัญหาสมาธิสั้นหรือไม่

แบบสอบถามโรคสมาธิสั้น ( สำหรับผู้ปกครอง)


เพื่อประเมินอาการของโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) โดย มารดา บิดา หรือผู้ปกครองที่ดูแลเด็ก

การตอบแบบสอบถาม

ข้อคำถามต่อไปนี้ได้รวบรวมจากพฤติกรรมของเด็กและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในบางครั้งในช่วงที่เด็กอายุ 6-10 ปี กรุณาอ่านอย่างใคร่ครวญ และเลือกตอบช่องซึ่งเข้าได้มากที่สุดในช่วงเวลานั้น


วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555

HEG - เป็นเทคนิคการศึกษาการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง


HEG (Hemoencephalography) เป็นเทคนิคการศึกษาการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองใน
บริเวณที่ต้องการศึกษาสำหรับการทำ Neurofeedback  โดยใช้อุปกรณ์คาดศีรษะที่เรียกว่า nirHEG, 
pirHEG และ Neurofeedback นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Biofeedback

Biofeedback ( Bio=ชีวิต, feedback = การสะท้อนกลับ) เป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับฝึกให้ร่างกายเฉพาะ
ส่วน โดยเฉพาะส่วนที่เราควบคุมเองไม่ได้ (involuntary control) ให้ทำงานได้ดีขึ้นโดยใช้สัญญาณจาก
ร่างกายของเรา สะท้อนกลับมาสอนร่างกายของเราเอง การทดลองนี้เกิดขึ้นในยุค 1940’s โดยได้มีการ
ฝึกให้กลุ่มตัวอย่างทำการฝึก ปรับเปลี่ยนกิจกรรมของสมอง (brain activity)ความดัน การเกร็งของกล้าม
เนื้อ จังหวะการเต้นของหัวใจ และ การทำงานของร่างกายในส่วนอื่นๆที่เราไม่สามารถควบคุมได้เองจน
กระทั่งปี 1969 จึงได้มีการเรียกขบวนการฝึกนี้ว่า biofeedback

HEG - brain exercise - ออกกำลังสมองด้วย HEG สำหรับ ADHD


NEUROFEEDBACK - การปรับสมดุลการทำงานของสมอง


NeuroFeedback

คือการปรับสมดุลการทำงานของสมอง โดยจากการอ่านค่าคลื่นสมองผ่านหน้าจอ
คอมพิวเตอร์ที่แสดงลักษณะของคลื่นต่างๆในแต่ละช่วงเวลา และจะช่วยให้สมอง
ค่อยๆปรับคลื่นให้มีความเหมาะสมและสามารถยืดหยุ่นตามสภาวะที่เข้ามากระทบได้


NeuroFeedback เน้นการฝึกฝน (train) ให้สมองเกิดการควบคุมตนเอง(self-regulation)  ซึ่งการมี self-
regulation ที่ดีและเหมาะสมนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อหน้าที่การทำงานของสมอง และself-
regulation ที่ดีนั้นหมายรวมไปถึงหน้าที่การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และการเพิ่มศักยภาพใน
การควบคุมอารมณ์ จิตใจ และการเปลี่ยนแปลงต่างๆของร่างกายด้วย การ train สมองด้วย 
NeuroFeedbackนี้มีเป้าคือการเชื่อมต่อกันของเซลล์ประสาทโดยไม่ใช้ยา เราสามารถตรวจวัดสมอส่วน
ที่ทำงานพร่องไปผ่านEEG (ElectroEncephaloGraphy)และสามารถ train สมองให้ทำงานได้ดีขึ้นเป็น
ลำดับขั้นได้อย่างต่อเนื่องกัน

NEUROFEEDBACK INTERVENTION FOR ADHD - ทางเลือกสำหรับการดูแลและพัฒนาเด็กที่มีอาการสมาธิสั้น



Neurofeedback เป็นเทคนิคในการดูแลและพัฒนาให้เด็กมีความสามารถคงสมาธิ และ ควบคุมอารมณ์ ได้ดีขึ้น โดยใช้การสะท้อนกลับของคลื่นสมองในบริเวณที่ต้องการฝึก/ปรับ และแสดงออกมาผ่านในรูปของภาพเคลื่อนไหวและเสียง หรือเกมส์ เพื่อให้สมองได้เรียนรู้ตัวเองและปรับความสมดุลของตัวสมองเอง (ขบวนการนี้เป็นความสามารถตามธรรมชาติของสมองของเราทุกคน สมองนั้นมีคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่า “brain platisity”)

Neurofeedback สามารถเป็นทางเลือกเสริมสำหรับการดูแลและพัฒนาเด็กที่มีอาการสมาธิสั้น เนื่องจากมีการศึกษา พัฒนา และวิจัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 30ปีแล้ว และในปัจจุบันงานวิจัยเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเป็นอย่างมากและมีการใช้อย่างแพร่หลายใน สหรัฐอเมริกา และหลายประเทศในยุโรป

PEAK PERFORMANCE and NEUROFEEDBACK


ทุกองค์ประกอบของความสำเร็จเริ่มต้นจาก “สมอง” ของคุณนั่นเอง 
เพราะสมองคือที่รวมของข้อมูลทั้งหมดทีเรามี ประมวนผล แก้ปัญหา วางแผน
สร้างจินตนาการ สมองมีศักยภาพสูงมากกว่าที่เราจะนึกออก การกระทำ การพูด 
การคิด ข้อมูล เหตุผล อารมณ์ ปัญญา สมาธิ ล้วนแล้วแต่เกิดจากการทำงาน
ของสมองของเราทั้งสิ้น  สมองที่ได้รับการดูแลข้อมูล และการฝึกฝนที่ดี 
ย่อมจะทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพกว่า

ในทุก “การตัดสินใจ”ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน 
เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อเราต้องตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญ เช่นการเจรจาธุรกิจ 
การแข่งขันต่างๆ หรือเมื่อตกอยู่ในสภาวะคับขันหรืออันตราย ผู้ที่มีสมาธิ มีสติ 
และได้รับการฝึกฝนทางกายภาพและจิตใจมาเป็นอย่างดีจะเป็นผู้ที่เลือก “ตัดสินใจ”
ได้ดีที่สุด

Peak Performance


Peak Performance ตั้งอยู่บนพื้นฐานการค้นพบทางวิทยาศาสตร์จากหลายๆแขนง เช่น
จิตประสาทวิทยา สรีรวิทยา จิตวิทยาการกีฬา และผู้มีความรู้ความเข้าใจชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ดัง
กล่าว และเพื่อให้บรรลุประสิทธิภาพสูงสุด..แต่ละคนจะได้เรียนรู้การฝึกฝนเพื่อนำไปสู่การเชื่อมต่อกัน
ของเซลล์ในระบบประสาทที่ดียิ่งขึ้น เซลล์ประสาทแต่ละเซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุม
อารมณ์ การปรับร่างกายและจิตใจให้มีความยืดหยุ่นตามสภาวะ การดึงประสบการณ์เดิมออกมาใช้ได้
อย่างรวดเร็ว



Brain Test


How to Test Your Brain…

เราจะทราบได้อย่างไรว่าสมองของเรามีการทำงานประสาทกันได้ดีมากน้อยเพียงใด?
สมาธิของเรา..สามารถคงอยู่ได้นานแค่ไหน? สมองของเราทำงานได้เต็มศักยภาพหรือยัง?...หากไม่มีการทดสอบศักยภาพสมอง

สมองของเราทำงานภายใต้การเชื่อมต่อกันของเซลล์ประสาทเป็นล้านๆเซลล์ และมีโครงสร้างหลาก
หลายส่วนที่ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการจะวัด ประเมินการทำงานของสมองนั้น มิใช่เพียงแค่การ
วัดเพียงด้านใดด้านหนึ่ง จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือหลายชนิดและนำผลที่ได้นั้นมาวิเคราะห์ร่วมกัน ซึ่งใน
การเลือกใช้เครื่องมือก็ก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้รับบริการมีข้อมูลรายละเอียดอย่างไร ควรจะทดสอบทางด้านไหน
บ้าง ในผู้รับบริการแต่ละคนก็จะมีรายละเอียดอันมีความเหมาะสมกับเครื่องมือที่แตกต่างกันไป

แต่ก็มีเครื่องมือบางอย่างที่สามารถใช้วัด ประเมินผลได้อย่างแม่นยำ อ้างอิงจากหลักการทางสถิติที่มี
แหล่งที่มาอย่างชัดเจนและสามารถใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย ไม่มีอคติในเรื่องของภาษาและวัฒนธรรม 
สิ่งที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้เป็นเครื่องมือที่

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคซึมเศร้า


Mind Brain Clinic
ทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคซึมเศร้า


ทราบไหมครับว่า โรคทางใจที่เรียกว่าโรคซึมเศร้านั้น เป็นความเจ็บป่วยของคนเราซึ่งสร้างปัญหาในการดำรงชีวิตและเป็นภาระในการดูแลรักษามากกว่าโรคทางกายหลายๆโรคเสียอีก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การวินิจฉัยและการรักษาก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะได้อธิบายให้เข้าใจมากขึ้นดังต่อไปนี้


โรคซึมเศร้าเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในประชากรทุกชาติทุกภาษา การสำรวจชุมชนในหลายๆประเทศพบโรคนี้มากถึง 3-11% ในรอบปีที่สำรวจ และยังเกิดในกลุ่มวัยเด็กได้ 8% และผู้สูงอายุได้ 22% ดร.เมอเรย์และดร.โลเปซ ได้กล่าวไว้ในนิตยสารทางการแพทย์ Lancet ปี1997 ว่าในปี คศ. 2020 โรคซึมเศร้าจะเป็นภาวะของการเจ็บป่วยที่ทำให้เกิดทุพพลภาพอันดับสอง ซึ่งสูงกว่าปัญหาจากอุบัติเหตุจราจรเสียอีก เป็นรองเพียงจากโรคหลอดเลือดหัวใจ

Transcranial Magnetic Stimulation , New Treatment Option for Depression



               Depressive disorder is a mental disorder which has deterious effects to individual life, family and to the society at large and depression would be a disease burden much more than many physical diseases. From the past to the present, the diagnosis and treatment of depression are still have some limitations. Also this is a challenging issue in psychiatric treatment.


Neurofeedback คืออะไร



Neurofeedback คืออะไร

Neurofeedback หรืออาจเรียกว่า EEG Biofeedback , Neurotherapy เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการรักษาโรคทางสมองแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก Neurofeedback ปรับการทำงานของสมองโดยใช้ข้อมูลคลื่นสมองของตัวสมองเอง เมื่อทำซ้ำๆจะเป็นการสร้างเงื่อนไขให้สมองปรับตัวไปสู่การทำงานที่ดีขึ้น Neurofeedback จัดว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยมาก และเกิดผลดีในการรักษาปัญหาทางสมองได้หลากหลาย.

Hemoencephalography (HEG) Feedback




คือเทคโนโลยีการศึกษาปริมาณเลือดภายในสมอง โดยอาศัยการวัดค่าการสะท้อนของคลื่นแสงในช่วง near-infrared ที่ฉายเข้าไปและสะท้อนส่วนหนึ่งออกมา สมองส่วนที่มีการทำงานมากขึ้น เช่นในขณะที่กำลังใช้สมาธิจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สมองส่วนหน้าจะมีเลือดเข้ามาเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น ทำให้ค่าที่วัดได้สูงขึ้น และแสดงผลในรูปของตัวเลข และกราฟที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังสมารถป้อนข้อมูลย้อนกลับ (feedback) ในรูปของภาพเกมส์และเสียงดนตรีได้  ทำให้เกิดความรู้สึกสนุกสนานผ่อนคลายในขณะที่ฝึก  

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การกระตุ้นสมองด้วยกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน ( Transcranial Direct Current Stimulation [tDCS])



เครื่องกระตุ้นสมองด้วยกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน(tDCS)

 มีกลไกการทำงานโดยให้ไฟฟ้ากระแสตรง 1-2 มิลลิแอมแปร์ส่งผ่านพื้นที่ในบริเวณกว้างของสมองที่ต้องการ โดยจะมีทั้งขั้วบวก ( anode) และขั้วลบ (cathode) กระแสไฟฟ้าจะไหลอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่คงที่โดยใช้วงจรควบคุมความคงที่ของกระแส เป็นเวลานาน 20 นาที ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของสมองส่วนนั้น ทั้งสามารถทำให้เกิดการกระตุ้นส่วนของของสมองที่ทำงานน้อยเกิดนไป หรือยับยั้งส่วนของสมองที่ทำงานมากเกินไป