Peak Performance ตั้งอยู่บนพื้นฐานการค้นพบทางวิทยาศาสตร์จากหลายๆแขนง เช่น
จิตประสาทวิทยา สรีรวิทยา จิตวิทยาการกีฬา และผู้มีความรู้ความเข้าใจชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ดัง
กล่าว และเพื่อให้บรรลุประสิทธิภาพสูงสุด..แต่ละคนจะได้เรียนรู้การฝึกฝนเพื่อนำไปสู่การเชื่อมต่อกัน
ของเซลล์ในระบบประสาทที่ดียิ่งขึ้น เซลล์ประสาทแต่ละเซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุม
อารมณ์ การปรับร่างกายและจิตใจให้มีความยืดหยุ่นตามสภาวะ การดึงประสบการณ์เดิมออกมาใช้ได้
Peak Performance
จะเกิดขึ้นในช่วงขณะเวลาที่เราต้องดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาใช้ เพื่อทำบางอย่างที่มีความสำคัญ
กับเราอย่างมากเช่น 3 ชั่วโมงในห้องสอบ เราต้องใช้ทั้งสมาธิ นอกจากนั้นก็ยังต้องใช้สัญชาติญาณ
เดิมที่เรามีนั้นรวมเข้าด้วยกันดึงความรู้ที่มีออกมาให้มากที่สุด เพื่อช่วยให้เราทำข้อสอบได้ประสบ
ความสำเร็จ ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่สามารถคงสภาวะดังกล่าวไว้ได้ เนื่องจากช่วงเวลาทองแบบนั้นจะอยู่
กับเราเพียง ชั่วเวลาสั้นๆเท่านั้น แล้วจะค่อยๆหายไป ซึ่ง...จะดีกว่านี้หรือไม่ หากเราสามารถมีช่วง
เวลาทองแบบนั้นเมื่อใดก็ได้เท่าที่เราต้องการ? จะเป็นอย่างไรถ้าเราสามารถควบคุมจิตใจและ
จัดการกับภาวะอารมณ์ต่างๆที่เข้ามาปะทะได้? และ..จะดีกว่านี้หรือไม่ถ้าเราสามารถมีศักยภาพใน
ตัวเองที่สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่คุณก็สามารถเข้าถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของตนเองได้ !!!!
Peak Performance ทำอะไรได้บ้าง
- เพิ่มสมาธิและความสนใจจดจ่อ
- เพิ่มการควบคุมอารมณ์และการตอบสนองของร่างกาย
- เพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจ
- มุ่งความสนใจได้แม่นยำขึ้น
- เพิ่มความรวดเร็วในการเรียนรู้
- เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และจิตนาการ
- เพิ่มความมั่นใจในทุกด้าน
- เพิ่มความสามารถในการจดจำ
- เพิ่มความรวดเร็วและแข็งแรงในการเชื่อมต่อของกระแสประสาท
- เพิ่มระดับการรับรู้และการตระหนักรู้
- เพิ่มทักษะในการแก้ไขปัญหา
- เพิ่มความสามารถในการทำงานต่างๆที่อยู่ภายใต้แรงกดดัน
- ลดความเครียดและความวิตกกังวลในชีวิตประจำวัน
- ลดความรู้สึกตื่นเต้น ประหม่าเมื่อต้องพูดในที่สาธารณะ
Peak Performance เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิ
- นักเรียน นักศึกษาหรือผู้ที่กำลังจะสอบแข่งขัน
- ผู้ที่ต้องใช้ความมั่นใจและทักษะทางสังคม
- นักกีฬา
- ศิลปินและผู้ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน
- นักดนตรี นักร้อง นักแสดง
Peak Performance
การฝึกสมองให้เกิดนาทีทองหรือ Peak Performance เมื่อใดก็ได้ที่เราต้องการ สามารถทำได้!!
ด้วยเทคนิค NeuroFeedbackซึ่งจุดเด่นของเทคนิค NeuroFeedback นี้ คือการปรับจูนคลื่นสมอง
ด้วยตัวสมองเอง ในที่นี้จะยกตัวอย่างการส่องกระจกของคนเราเราไม่ทราบได้ว่าทรงผมของเรา
เรียบร้อยหรือไม่ หากเราไม่ได้ส่องกระจก แต่เมื่อเราส่องกระจกแล้ว เราจึงจะเห็นว่าทรงผมของเรา
นั้นอยู่ในลักษณะใด เทคนิคNeuroFeedback นี้ก็เหมือนกับการให้สมองได้ดูคลื่นของตัวสมองเอง
แล้วปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป
อีกเทคนิคที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือการใช้ เครื่อง HEG ( Hemoencephalography ) เป็นครื่องที่ใช้
วัดปริมาณเลือดที่มาเลี้ยงสมองส่วนหน้า การที่สมองส่วนหน้ามีเลือดมาหล่อเลี้ยงอยู่มากๆ นั่น
หมายถึงความคิด ความจำ ความคิดสร้างสรรค์ การคงสมาธิความว่องไว เฉียบคม ในการตัดสินใจ
ต่างๆมีการพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน
การมีสมองที่พร้อมจะเรียนรู้และพัฒนาก็เหมือนกับการมีผู้ช่วยที่ดี ติดตามเราไปในทุกๆที่ ช่วย
เราในทุกๆสถานการณ์ตราบเท่าที่เราต้องการ....โดยเฉพาะ ช่วงเวลานาทีทองของชีวินั่นเอง!!!
“โดย..ศิรินภา จิตต์ซื่อ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น