โรคสมาธิสั้น Attention Deficit Hyperactivity Disorders (ADHD) เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มเด็กวัย
เรียน เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมักเกิดปัญหาในเรื่องของการควบคุมตัวเองต่ำกว่าอายุ จริง ไม่รับผิดชอบ
ไม่มีมารยาท แต่เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นอาการแสดงจะแตกต่างไปจากวัยเด็กอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านการ
เรียน จะพบว่าผู้ป่วยจะขาดทั้งสมาธิและทักษะการเรียน ผลการเรียน ต่ำรวมทั้งคุณภาพในการสื่อสารที่ต่ำ
ทำให้เห็นภาพอารมณ์ทีทีแปรปรวนได้ง่ายกว่า ภาวะ hyperactive น้อยลงแต่จะเห็นลักษณะเบื่อง่าย ขาด
ความอดทนด้อยทักษะในการทำกิจกรรมซึ่งส่งผลต่อการเข้าสังคม
ในปัจจุบันพบว่าโรคสมาธิสั้น (ADHD)พบได้ร้อยละ 3-10 ของเด็กในวัยเรียน และร้อยละ 5.1 ของเด็กวัย
อนุบาล มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยเด็กปรากฏอาการเมื่อเข้าวัยรุ่น และพบโรคในเด็กผู้ชายมากกว่าในเด็กผู้
1. พันธุกรรม พบอัตราการเกิดโรคสมาธิสั้นในญาติสายตรงได้ถึง 5 เท่า
2. Neurotransmitter พบความบกพร่องใน dopamine receptor gene ถ้ามี norepinephrine ต่ำ จะ
ทำให้เกิดภาวะ hyperactivityและ impulsive
3. Neurobiology ปัจจุบันพบหลักฐานว่า ความบกพร่องใน neurodevelopmental origin มากที่สุด พบ
การทำงานที่ผิดปกติบริเวณfrontal cortex , cerebellum, corpus callosum, basal ganglia และ
บริเวณ prefrontal cortex ซึ่ง basal ganglia ทำหน้าที่ควบคุมแรงขับเคลื่อน (impulse) และ
prefrontal cortex ทำหน้าที่เกี่ยวกับ executive function เกี่ยวกับการแก้ปัญหา สมาธิ การใช้
เหตุผลการวางแผน การทำงานตามขั้นตอน โดยสาเหตุที่กล่าวข้างต้นเป็นผลให้มีอาการแสดง แบ่งได้
3 กลุ่ม ดังนี้
- ละเลยในรายละเอียด หรือทำผิดด้วยความเลินเล่อในการทำงาน การเรียนหนังสือหรือในกิจกรรมอื่น
บ่อยๆ
- มีความลำบากในการตั้งสมาธิกับการงานหรือการเล่น
- ดูเหมือนไม่ฟังเมื่อมีคนพูดด้วย
- ทำตามคำสั่งไม่จบหรือทำกิจกรรมอื่นไม่เสร็จ ซึ่งไม่ได้มากจากการดื้อดึงหรือไม่เข้าใจในคำชี้แนะ
- มีความลำบากในการจัดระเบียบงานหรือกิจกรรม
- หลีกเหลี่ยงหรือไม่ชอบ ลังเล ที่จะทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความพยายาม เช่น การบ้าน
- ทำของหายบ่อยๆ มักวอกแวกตามสิ่งกระตุ้นภายนอก ลืมกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำอยู่เสมอ
- ยุกยิก ขยับตัวหรือขาไปมา
- มักลุกจากที่ในห้องเรียนในที่อื่นที่ต้องนั่ง
- มักวิ่งวุ่น หรือปีนป่ายในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม
- ไม่สามารถเล่นเงียบๆได้
- เคลื่อนไหวตลอดเวลา คล้ายขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์
- พูดมากเกินไป
- พูดแทรก พูดโพล่งก่อนคำถามจะจบ
- มีความลำบากใจในการรอคอย
- ชอบขัดจังหวะหรือสอดแทรกผู้อื่นในวงสนทนา
โดยที่ความผิดปกติทางพฤติกรรมนี้เกิดมากกว่า 2 สถานที่ ส่งผลกระทบต่อการเรียน การเข้าสังคม หรืการทำงาน โดยอาการจะปรากฏก่อนอายุ 7 ปี และอาการเกิดนานเกิน 6เดือน แต่ปัจจุบันพบว่าสามารถเห็นอาการได้ตั้งแต่ในวัยอนุบาล
(เขียนโดย วินัดดา ปิยะศิลป์)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น